การทำงานของ AI จะเป็นอย่างไรในปี 2050

การทำงานของ AI จะเป็นอย่างไรในปี 2050

การทำงานของ AI จะเป็นอย่างไรในปี 2050 ซึ่งปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial Intelligence) โลกแห่งการทำงานในปี 2050 โลกแห่งการทำงาน จะเป็นสถานที่ที่แตกต่างไปจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ซึ่งวิสัยทัศน์ของอนาคต สำหรับคนงาน จะมีแนวโน้มที่จะขยายขนาด จากมุมมองที่ไม่ดีของหุ่นยนต์ที่รับงานของเรา (หมายถึง การที่เราได้อยู่ในบ้าน หรือที่อยู่อาศัย โดยอาศัยความสะดวก สบายจากวัสดุสิ้นเปลืองของ Amazon Prime นั่นเอง) ไปจนถึง การกำจัดงานซ้ำซาก โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์

ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้มนุษย์มีอิสระในการคิด สร้างสรรค์ และลงมือทำ (โดยที่ไม่จำเป็นต้องออกจากบ้าน…ด้วยการทำงานทางไกล ที่ได้รับการปรับปรุง และโดรนส่งของของ Amazon ที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น)

อนาคตของ AI (Artificial Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ จะเป็นอย่างไร ในปี 2050

1. หุ่นยนต์เหล่านี้ จะมีสิทธิบางอย่างคล้ายมนุษย์

จากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีหลายแห่ง มีแนวคิดเกี่ยวกับอนาคตของ AI ด้านสิทธิที่คล้ายกับมนุษย์ โดยเราจะเห็นว่า หุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นแถว ๆ ใจกลางเมือง จะมีป้ายประกาศ หรือโฆษณา เกี่ยวกับหุ่นยนต์เหล่านี้อยู่บ้าง

การทำงานของ AI จะเป็นอย่างไรในปี 2050

ซึ่งจะเห็นว่า สโลแกนที่เขียนด้วยรหัสไบนารี และมีการพัฒนาหุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์อย่างกว้างขวาง จึงทำให้มีความจำเป็นต้องมีการสร้างกรอบแนวทางทางกฎหมาย เพื่อที่จะมีการปกป้องหุ่นยนต์เหล่านี้ ในการควบคุมสิทธิของหุ่นยนต์อัจฉริยะ ต่อมา โค้ดนี้ได้รับการเปลี่ยนแปลง และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น โรบ็อตจึงมีสิทธิ์ในการปรับปรุงในสังคมของเรานั่นเอง

2. Personal assistants for life หรือ ผู้ช่วยส่วนตัวเพื่อชีวิต

โดย Personal assistants (PAs) หรือผู้ช่วยส่วนตัว ได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งอย่างแรกเลยก็คือ PAs สามารถพูดได้เพียงแค่คำถามพื้น ๆ เท่านั้น เช่น ในปี 2019 ระบบสั่งงานด้วยเสียงนั้น ยังไม่ได้มีการพัฒนา

แต่ภายในปี 2025 PA สามารถเข้าใจถึงเทคนิคในการจดจำ และถอดเสียงพูด ซึ่งทำให้ PA สามารถเข้าใจความหมายของข้อความ และมีการท่องจำได้อย่างสมจริง จนแทบจะเหมือนมนุษย์เลยก็ว่าได้

โดยสิ่งนี้ จะทำให้กิจกรรมต่าง ๆ ทางสำนักงานทั้งหมดสามารถดำเนินการได้แบบอัตโนมัติ เช่น PA เริ่มใช้เวลาไม่กี่นาที เขียนรายงานหลังการประชุม สรุปเอกสารที่มีความยาว และแยกย่อย

และสรุปเนื้อหาของข้อความอย่างมีสติ ซึ่ง PA ยังสามารถวางแผนวัน หรือกิจกรรมต่าง ๆ ของคุณ และสามารถกำหนดการประชุม หรือแม้แต่สั่งอาหารกลางวันได้อีกด้วย

การทำงานของ AI จะเป็นอย่างไรในปี 2050

ด้วยการเรียนรู้ของเครื่อง PAs ได้รับการปรับให้เข้ากับบุคลิกของเจ้าของอย่างเต็มที่ ซึ่งจะเจาะลึกทุกแง่มุมของชีวิตของพวกเขามากขึ้น ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยการช่วยเหลืองานในสำนักงาน

และในช่วงกลางปี ​​2040 PAs จะได้กลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวัน โดยการตรวจสอบอาหารของเจ้าของ วางแผนการเดินทางไปต่างประเทศ ซื้อของขวัญให้เพื่อน และครอบครัว และอื่น ๆ อีกด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้จะดี และไม่มีจุดด้อย ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับ PA ได้ก่อให้เกิดปัญหาทางจิตใจ และปัญหาในการสื่อสารระหว่างคนจริง ๆ อย่างไรก็ตาม นักจิตวิทยา AI ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษ พร้อมที่จะช่วยเหลือเรา ในการรับมือกับขัดแย้งกันและเป็นเพียงผู้ช่วยด้านเสียง เปรียบเสมือนเป็นอีกผู้ช่วยคนหนึ่งเลยทีเดียว

3. สามารถทำตามคำสั่งของผู้ที่ใช้งานได้เสมือนคนจริง ๆ

โดยจะเห็นว่าในปีที่ผ่านมา ได้มีการสแกนฝ่ามือ และนิ้วมือ เพื่อที่จะระบุตัวตน ซึ่งตอนนี้มือที่มีเซ็นเซอร์ได้ฝังกลายเป็นเครื่องสแกนเสียเอง โดยมีรู้ปแบบการทำงานอยู่ 2 รู้แบบ คือ เครื่องสแกนแบบธรรมดา สำหรับใช้ประจำวัน

ซึ่งสามารถช่วยในการอ่านแท็ก และรหัสผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ และแลกเปลี่ยนนามบัตรดิจิทัลผ่านการสัมผัสโดยตรงจากมือ (คุณสามารถใช้การจดจำใบหน้า เพื่อระบุคนแปลกหน้า แต่ถือว่าไม่เหมาะสม นอกจากนี้ หลายคนยังใช้การป้องกัน เพื่อป้องกันการจดจำ ซึ่งเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก)

ส่วนรูปแบบที่สอง คือ สแกนเนอร์ ที่ซับซ้อนสำหรับช่างเทคนิค และผู้เชี่ยวชาญอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น มือของแพทย์ มีเซ็นเซอร์ทางการแพทย์หลายตัวสำหรับการวินิจฉัย แม้แต่กล้องเอนโดสโคปแบบพกพา ที่มีสตรีมวิดีโอโดยตรงไปยังเยื่อหุ้มสมองของแพทย์นั่นเอง

4. พนักงานที่ยืดหยุ่น

อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่า ในปี พ.ศ. 2593 เทคโนโลยีจะเข้ามาครอบงำสถานที่ทำงานด้วยปัญญาประดิษฐ์ และผู้ช่วยอัจฉริยะ ที่มีอยู่โดยทั่วไป ในขณะที่การใช้เทคโนโลยีของความจริงเสริม และความเป็นจริงเสมือน ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทุกอย่างจะ ‘ฉลาด’ มีการเชื่อมต่อ และขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซึ่งพวกเราส่วนใหญ่จะยังคงทำงานแบบเดียวกับที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่งานที่เสนอจะเป็นงานที่ยังไม่ได้คิดค้นขึ้นมานั่นเอง แต่ความฉลาดทางอารมณ์ และทักษะของ ‘มนุษย์’ เช่น การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง จะมีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อผู้นำที่ต้องมี ตลอดจนความคล่องแคล่วในการใช้เทคโนโลยีล่าสุด

และการทำงานจะมีความลื่นไหลมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากพนักงานบางคนเป็นเสมือนบางคนทำงานเต็มเวลา บางคนจะเป็นบอท และเราทุกคนจะทำงานแบบไม่กำหนดชั่วโมง เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ จะมีข้อดี และข้อเสีย

โดยผู้ที่ทำงานในงานประจำ จะมีแนวโน้มที่จะดิ้นรนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาสามารถมีความเกี่ยวข้องในโลกใหม่ของการทำงาน ส่วนข้อดีนั้นก็คือ สิ่งนี้จะทำให้เรามีเวลามากขึ้น ในการมุ่งเน้นไปที่แง่มุมของการทำงานของมนุษย์ เช่น การสร้างความสัมพันธ์ การมีความคิดสร้างสรรค์ การคิดเชิงลึก และการฝึกทักษะต่าง ๆ

เช่น การเอาใจใส่ และการตระหนักรู้ในตนเอง ซึ่งเทคโนโลยีจะช่วยให้องค์กรมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น นอกจากนี้ ยังหมายความว่า เราต้องคุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยี เช่น บอท และ AI ในการทำงานของเรามากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของความตึงเครียด และความกลัวสำหรับบางคน

แล้วชั่วโมงทำงานล่ะ? ขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นพนักงานที่มีความรู้หรือทำงานในอุตสาหกรรม เช่น การค้าปลีก การเตรียมงานที่ยืดหยุ่นได้ ถูกนำมาใช้ในองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกแล้ว ข้อดีนั้นมีมากมาย ตั้งแต่การเพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน การผลิต และการดำรงตำแหน่ง

ไปจนถึงความสามารถในการดึงดูด และรักษาคนเก่งไว้ได้ ข้อเสียที่อาจเกิดขึ้น คือ การทำให้แน่ใจว่าพนักงานสามารถรับผิดชอบในการส่งมอบงานที่มีคุณภาพสูง ในขณะที่รู้สึกว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของทีม รับมือกับความโดดเดี่ยว

และสร้างความมั่นใจในการสื่อสาร และการทำงานร่วมกันที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเตรียมงานที่ยืดหยุ่น อาจเป็นประโยชน์อย่างมากต่อองค์กร และผู้คน ตามลำดับ

5. การมุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์ของผู้ใช้

แน่นอนว่า งานจะสนุกมากขึ้น และกิจกรรมที่ซ้ำซากในชีวิตประจำวันของเราจะดำเนินการโดยหุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งการรู้ตรรกะการเขียนโปรแกรมจะมีความสำคัญพอ ๆ กับภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์

การออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) จะมีความสำคัญมากกว่าองค์ประกอบทางเทคนิคอื่น ๆ ของโครงการ เพื่อให้แน่ใจว่าจะประสบความสำเร็จกับลูกค้า ทักษะในการแก้ปัญหา และให้บริการลูกค้าจะยังคงมีความได้เปรียบในการแข่งขันสำหรับการทำงานในอนาคต

Credit

อ่านบทความน่าสนใจเพิ่มเติม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *