การขุด Bitcoins
การขุด Bitcoins โดย Bitcoin เป็นหนึ่งในหัวข้อที่ร้อนแรงที่สุดในปัจจุบัน และทำไมมันถึงเติบโตมากกว่า 2,000% ในหนึ่งปีเท่านั้น ซึ่งราคาของสกุลเงินดิจิทัลนั้น มีความผันผวนเป็นอย่างมาก
ตามที่นักลงทุนผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า สิ่งที่เสี่ยงที่สุดที่คุณสามารถทำได้ด้วยเงินของคุณ คือ การลงทุนใน Bitcoins ราคาของ Bitcoin หนึ่งอัน สามารถสูงอย่างน่าประหลาดใจ หรือลดลงเหลือศูนย์ได้ในวันเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม การใช้กำลังในการขุด bitcoin นั้น ยิ่งมีพลังในการคำนวณมากเท่าไร ก็ยิ่งขุด bitcoin ได้มากเท่านั้น
แต่คุณจะได้รับ bitcoins เท่าใดจากการขุดบนเดสก์ท็อป หรือแล็ปท็อปของคุณ? หรือจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ามีคนใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลก เพื่อขุด bitcoin ที่เหลืออยู่ทั้งหมด?
ตัวอย่างเช่น หาก NSA, NASA หรือ DoE ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางทรัพยากรการคำนวณทั้งหมดไปยังการขุด cryptocurrency พวกเขาจะสามารถทำเหมือง bitcoin ทั้งหมดได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วันหรือไม่? มาดูคำตอบไปพร้อม ๆ กันเล๊ย!!
ปัจจัยสำคัญ
เมื่อพิจารณาว่า คุณทราบแล้วว่า การขุดคืออะไร สิ่งแรกที่คุณควรรู้ คือ การขุด Bitcoin นั้น มาพร้อมกับปัจจัยความยาก ที่วัดความยากในการค้นหาแฮช ที่ต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนด
เครือข่ายมีปัญหาในการบล็อกทั่วโลก และบล็อกที่ถูกต้องทั้งหมดมีแฮชที่ต่ำกว่าเป้าหมายนี้ ความยากของเครือข่ายจะเปลี่ยนทุก ๆ บล็อกปี 2016
แน่นอนว่าการขุด Bitcoin นั้นต้องการพลังในการคำนวณที่สำคัญในการเข้ารหัสแฮช แท่นขุดเจาะเฉพาะจำนวนมากถูกสร้างขึ้นจาก GPU, FPGA (อาร์เรย์เกทแบบตั้งโปรแกรมได้ภาคสนาม)
และ ASIC (วงจรรวมเฉพาะแอปพลิเคชัน) และคุณสามารถเดิมพันได้ว่า ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์บางเครื่อง สามารถใช้เวลาในการขุด Bitcoins
ซึ่งซูเปอร์คอมพิวเตอร์ จะใช้ซีพียูจำนวนมาก ที่ทุ่มเทให้กับการประมวลผลหน่วยข้อมูลขนาดใหญ่ (เรียกว่า การประมวลผลเวกเตอร์) แต่ขาดพลัง GPU มันช้ากว่าการขุดมาก ด้วย GPU และ ASIC ที่ทันสมัย ซึ่งเป็นวงจรรวมที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการใช้งานเฉพาะ แทนที่จะมีไว้สำหรับการใช้งานทั่วไป
ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลก Sunway TaihuLight มีพลังการประมวลผล 93.01 petaFLOPS ในขณะที่อัตราแฮช ของ Bitcoin อยู่ที่ 80704290.84 petaFLOPS ในขณะนี้
แม้ว่าจีนจะตัดสินใจใช้ระบบนี้ในการขุด Bitcoins ก็ไม่มีประโยชน์อะไร พวกเขาจะใช้จ่ายค่าไฟฟ้ามากขึ้น (เพื่อใช้งานโปรเซสเซอร์ และส่วนประกอบระบายความร้อน) มากกว่ามูลค่าของ bitcoins ที่ขุดได้ ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ Sunway TaihuLight ใช้พลังงานมากกว่า 15,300 กิโลวัตต์
ในทางกลับกัน AISC เช่น AntMiner S9 เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่สามารถประมวลผลแฮชได้มากถึง 13.5 ล้านล้านแฮชต่อวินาที (Th/s)
ซึ่งใช้พลังงาน 0.098 W สำหรับทุก ๆ พันล้านแฮช อุปกรณ์นี้ ใช้ FPGA ซีรีส์ Xilinx Zynq-7000 พร้อมไมโครโปรเซสเซอร์ ARM Cortex A9 คู่ ด้วยพลังการประมวลผลที่มากขนาดนี้ เราสามารถสร้างรายได้ ประมาณ 0.36 bitcoins ต่อเดือน
การขุด Bitcoin ด้วยพลังการประมวลผลเดสก์ท็อปปัจจุบัน (CPU หรือ GPU) เป็นไปได้จริง ๆ แต่ไม่มีจุดหมาย
ทุกวันนี้การขุด Bitcoins ส่วนใหญ่ทำด้วยชิป ASIC พวกมันได้รับการปรับแต่งอย่างสูงเพื่อจุดประสงค์เดียวในการแก้ปัญหาการคำนวณที่จำเป็นในการทำเหมือง
การขาดความยืดหยุ่น ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างมาก เมื่อเทียบกับอุปกรณ์เอนกประสงค์ สิ่งนี้ ทำให้เครือข่าย Bitcoin hashrate เติบโตขึ้นประมาณ 20,000 เท่านับตั้งแต่มีการจัดส่ง Bitcoin ASICs ครั้งแรก
ชิปรวมสำหรับวัตถุประสงค์ทั่วไปนั้น มีประสิทธิภาพน้อยกว่า เมื่อทำเหมืองหลายขนาด ดังนั้น จึงไม่ทนต่อการเปลี่ยนแปลงในการแข่งขัน
ในปี 2014 นักศึกษาฮาร์วาร์ดถูกจับได้ว่ากำลังขุด Cryptocurrency Dogecoin บนซูเปอร์คอมพิวเตอร์ 14,000 คอร์
ปรากฎว่า คอมพิวเตอร์สามารถขุดได้ ในอัตราสูงสุดถึง 20 ล้านแฮชต่อวินาที นี่ยังมีอีกมาก แต่ไม่เร็วอย่างบ้าคลั่ง กรณีคล้ายคลึงกันเกิดขึ้น เมื่อรัฐบาลสหรัฐสั่งห้ามศาสตราจารย์ในการขุด Bitcoin บนซูเปอร์คอมพิวเตอร์
ในปีเดียวกัน Mark Welle อดีตนักเข้ารหัสทางทหาร ของเยอรมัน พร้อมด้วย Maik น้องชายของเขา ได้เริ่มให้บริการขุดบนเครื่อง “ Two Brother ” ของพวกเขา พวกเขาดำเนินการมาเกือบ 2 ปีในโหมดซ่อนตัว
ในปี 2013 Forbes รายงานว่า พลังการประมวลผลของ Bitcoin ทั่วโลกนั้นเร็วกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ 500 อันดับแรกร วมกันถึง 256 เท่า
อนาคตของ Bitcoin ถูกคุกคาม โดยคอมพิวเตอร์ควอนตัม บทความที่ตีพิมพ์ ใน arxiv.org แสดงให้เห็นว่า คอมพิวเตอร์ควอนตัม สามารถบ่อนทำลาย และใช้ประโยชน์จากโปรโตคอลความปลอดภัยของ Bitcoin ได้อย่างไร
รูปแบบลายเซ็นเส้นโค้งวงรีที่ใช้โดย Bitcoin มีความเสี่ยง และอาจถูกทำลายโดยเครื่องควอนตัมภายในปี 2027 โดยการประมาณการในแง่ดีที่สุด
สำหรับตอนนี้ Bitcoin ไม่มีแผนที่จะอัพเกรดโปรโตคอลความปลอดภัยปัจจุบัน แต่ด้วยเครื่องควอนตัมที่ใช้งานได้เกือบทศวรรษ แพลตฟอร์ม cryptocurrency มีเวลาเหลือเฟือในการพิจารณาเทคนิคการเข้ารหัสของพวกเขาใหม่